วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มีดหมอด้ามงาหลวงพ่อเดิม

หลวงพ่อเดิมนั้นท่านเป็นที่เคารพ ศรัทธาของชาวนครสวรรค์เป็นอย่างมาก และท่านก็เป็นที่เคารพอย่างกว้างขวางของคนทั่วประเทศ ก่อนที่เราจะได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับมีดหมออันเข้มขลัง และศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เรามาศึกษาประวัของท่านกันก่อนนะครับ


ประวัติหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์
หลวงพ่อเดิม (ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์) ถือกำเนิดวันที่6กุมภาพันธ์ ในปีพ.ศ 2403 ตรงกับวันพุธแรม 11 ค่ำเดือน 3 ปีวอก จุลศักราช 1222 เป็นบุตรคนหัวปีหรือคนโตนั่นเองมีพี่น้องทั้งหมด 5 คนและท่านยังเป็นพระที่ไม่เหมือนพระโดยทั่วๆไปคือท่านไม่ได้เรียนหนังสืออย่างเป็นชิ้นเป็นอันมาตั้งแต่สมัยท่านเด็ก ชีวิตสมัยที่ท่านเป็นหนุ่มวัยรุ่นนั้นท่านชอบเลี้ยงสัตว์ ไม่มีความฝักใฝ่ในเรื่องโลกีย์ และท่านชอบที่จะไปไหนมาไหนโดยที่มีผ้าขาวม้าโพกศรีษะเพื่อเลี่ยงไม่ให้ใครล้อท่านว่าท่านผมหยิก


เมื่อท่านอายุครบที่จะอุปสมบทแล้ว ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 13 ค่ำเดือน 11 ปีมะโรง วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2423 โดยมีหลวงพ่อแก้ว วัดอินทราราม หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยพระทั้งสามรูปนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านวิชาคาถาอาคมอันเข้มขลัง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง และเนื่องจากคุณงามความดีของท่าน ทางการจึงกราบทูลขอพระราชทานสมณศักดิ์เป็น " พระครูนิวาสธรรมขันธ์ "

หลวงพ่อมรณภาพ
ก่อนที่หลวงพ่อเดิมจะมรณภาพนั้นท่านได้ล่วงรู้วาระสุดท้ายของท่าน โดยต้นปีพ.ศ. 2494 ท่านมีอายุได้ 92 ปี วันหนึ่งท่านได้เรียกกรรมการวัดไปจนถึงญาติโญมคนใกล้ชิดมาประชุมโดยพร้อมหน้ากัน การประชุมครั้งนั้นหลวงพ่อปรารภถึงมรณสัญญาณของท่าน แล้วท่านได้ขอร้องต่อคนที่มาร่วมประชุมว่า ขอมอบภารกิจในการบริหารวัดหนองโพให้กับหลวงพ่อน้อย ดูแลรักษาแทนท่านโดยให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป และหลวงพ่อก็ได้บอกว่าอย่าเสียใจในการจากไปของท่าน มันเป็นกฎแห่งกรรม และขอให้ช่วยกันต่อโรงศพของหลวงพ่อเมื่อท่านมรณภาพไปแล้วจะไม่ได้เดือดร้อนแก่ญาติโญมที่จะต้องไปหาโรงศพ เพราะการเตรียมพร้อมล่วงหน้านั้นคือความไม่ประมาท และให้ช่วยกันสร้างเมรุเพื่อพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อ สร้างกันตั้งแต่ตอนนี้จะได้ไม่ต้องรีบสร้างกันภายหลังให้เหน็ดเหนื่อย แต่แล้วเมรุเผาศพนี้ก็สร้างเสร็จไม่ทันที่จะพระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อ ที่สร้างเสร็จไม่ทันนั้นเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าหลวงพ่อจะมรณภาพในเวลาอันใกล้นี้ เข้าสู่ช่วงเวลาเดือนเมษายนงานสรงน้ำหลวงพ่อเดิมได้ผ่านไปแล้ว หลวงพ่อก็ยังคงไปเป็นประธานในพิธีสร้างพระอุโบสถวัดอินทรารามและท่านก็ได้พูดเป็นนัยว่างานนี้อาจจะเป็นงานสุดท้ายของท่านเพื่อสนองคุณพระอุปัชฌาย์ วันที่ 15 พฤษภาคม 2494 หลวงพ่อได้เดินทางกลับจากการเป็นประธานในพิธีสร้างพระอุโบสถวัดอินทราราม ท่านก็มีอาการโรคลมปัจจุบันเข้าแทรกทำให้หลวงพ่อลุกไปไหนมาไหนไม่ได้


อภินิหารครั้งสุดท้ายก่อนท่านมรณภาพ
วันที่ 22 พฤษภาคม ตรงกับวันอังคาร แรม 2 ค่ำ อาการอาพาธของหลวงพ่อทรุดหนักตั้งแต่ตอนเช้า แต่สติของท่านยังดีอยู่และท่านก็ได้ถามผู้ดูแลท่านว่าเป็นเวลาเท่าใดแล้ว ท่านถามอย่างนี้เป็นระยะๆ เวลา17.00น.หลวงพ่อก็ได้ลืมตาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วถามคนที่ดูแลท่านว่าน้ำในสระพอกินพอดื่มหรือเปล่าที่ท่านถามเพราะว่าท่านไม่ทราบท่านได้แต่นอนพักผ่อนไม่ได้ออกไปดูทำให้ไม่รู้ และสระทั้ง 2 สระนี้เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านหนองโพ คนที่ดูแลท่านจึงตอบว่าน้ำในสระทั้งสองตอนนี้นั้นเหือดแห้งลงไปมากเพราะฝนไม่ได้ตกมานานแล้ว ถ้าฝนไม่ตกอีกประมาณหนึ่งถึงสองวันนี้จะไม่มีน้ำให้ชาวบ้านใช้แน่นอน หลวงพ่อได้ยินแล้วไม่ว่าอะไรและได้เอามือทั้งสองของท่านมาไว้ที่หน้าอกพร้อมกับตาที่หลับสนิทของท่าน และในขณะนั้นเองเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ฟ้าที่สว่างกลับกลายเป็นมืดครึ้มเหมือนว่าฝนจะตก พร้อมกับสายลมที่พัดแรง และแล้วฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนักมาก แล้วน้ำฝนก็ไหลลงสระน้ำทั้งสอง ไหลลงได้ประมาณครึ่งสระฝนตกอย่างหนักกินเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วก็ค่อยๆหยุดตก พร้อมกับลมหายใจของหลวงพ่อที่ค่อยๆหมดไปพร้อมสายฝนที่หลวงพ่อดลบันดาลให้กเพื่อที่ได้ต่อชีวิตของชาวบ้านหนองโพ สรุปว่าอย่างนี้นะครับ หลวงพ่อชาตะ เมื่อวันพุธ แรม 11 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก จุลศักราช 1222 ตรงกับวันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2403 หลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันอังคารแรม 2 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 เวลา 17.45 น. รวมอายุได้ 92 ปี พรรษาที่70

มีดหมอหลวงพ่อเดิม
กล่าวถึงประวัติของท่านไปแล้วนะครับคราวนี้เรามาเจาะลึกกันนะครับว่าเครื่องรางของขลังของท่านที่คนทั่วไปรวมถึงพวกเซียนพระนักสะสมของขลังอยากได้มาครอบครองนั้นคือ "มีดหมอหลวงพ่อเดิม"อันเลื่องชื่อว่าดี ขลังจัด
มีดด้ามงาลงอักขระ มีลวดลายสวยงามเป็นมีดหมอ ชาวบ้านนิยมเรียกว่ามีดด้ามงา มีดหมอของหลวงพ่อเดิมนั้นว่ากันว่าภูติผีปิศาจกลัวหัวหดเลยละครับ และเหล็กที่ทำมีดหมอนั้นเป็นเหล็กจริงๆไม่ผสมเหล็กอย่างอื่นปนกันได้นำมาหลอมเป็นมีดหมอและให้หลวงพ่อมาปลุกเสก ลืมบอกทุกคนไปนะครับว่ามีดหมอนี้หลวงพ่อได้อาบน้ำยาที่เป็นพิษ ใครโดนบาดเข้าละก็แย่เลย เหมือนเคยมีกรณีที่คนโดนบาดที่ต้นขาเป็นแผลนิดเดียวไม่เป็นอะไรมาก แต่ต่อมาแผลนั้นค่อยๆขยายวงกว้างทำให้คนที่โดนมีดหมอที่บาดนั้นต้องตัดขาทิ้งเลยเชียวนะครับ และที่สำคัญถ้าจะเดินป่านะครับใครมีมีดหมอหลวงพ่อเดิมนะครับพกติดตัวไปด้วยนะครับท่านจะไม่โดนสัตว์ในป่าทำร้ายเอาเลย และถ้าอยู่บ้านนะครับเพียงแค่คุณชักมีดหมอหลวงพ่อเดิมไว้พ้นออกจากฝักสักนิดหนึ่ง จะช่วยป้องกันสิ่งที่ไม่ดีที่จะเข้ามาอยู่ในบ้าน และสิ่งที่ไม่ดีที่อยู่ในบ้านให้ออกไปหมดเลยนะครับ โถๆถ้าจะเล่าถึงความเข้มขลังของมีดหมอหลวงพ่อเดิมนั้นนะครับคงจะต้องพูดกันอีกยาวเพราะคนที่มีมีดหมอหลวงพ่อเดิมไว้ครอบครองนั้นนะครับส่วนมากเขาจะรู้กันนะครับว่ามีดหมอนั้นเจ๋ง ขลังจริงหรือเปล่า


เข้าเรื่องกันต่อนะครับ มีดหมอส่วนใหญ่ของหลวงพ่อเดิมนะครับสร้างจากฝีมือของช่างฉิม ช่างศร ช่างไข่ อยู่ที่พยุหะคีรี นครสวรรค์ ส่วนมากปลายปลอกเงินมีดหมอของท่านนั้นจะเป็นลายเล็กๆละเอียด มีดหมอของท่านนั้นถือว่ามีพุทธคุณทั้งมหาอำนาจและมหานิยม ส่วนการใช้เงินหุ้มฝักมีดและด้ามมีดนั้นนะครับ เขาจะใช้เงินจากช่างเงินในตลาดพยุหะคีรี โดยมีดหมอหลวงพ่อเดิมนั้นนะครับแต่ก่อนทางวัดหนองโพจัดจำหน่ายเพียงเล่มละ 8-12 บาทเองนะครับ ขึ้นอยู่กับตามขนาดของมีด


ของดีขนาดนี้นะครับท่านผู้อ่านคงคิดเหมือนผมกันนะครับว่าน่าจะมีไว้ครอบครองสักเล่มหนึ่งนะครับ สุดท้ายนี้นะครับผมขอฝากคาถาที่หลวงพ่อให้ไว้กับช่างฉิม(ช่างที่ทำมีดหมอ)ว่า

คบเพื่อนอย่าเอาเปรียบ

เป็นผู้ใหญ่อย่ารู้มาก


เห็นเงินอย่าตาโต


งานที่เป็นประโยชน์ให้ทำ


มีงานให้ทำ ถ้า ไม่มีงานให้หางานทำ

แล้วค่อยติดตามรายละเอียดของเครื่องลางของขลัง รวมถึงประวัติของพระเกจิทีเข้มขลังกันต่อไปนะครับ
มีดหมอด้ามงาหลวงพ่อเดิม(สภาพดี)

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด




สวัสดีครับ..วันนี้ผมจะมากล่าวถึง "หลวงพ่อทวด" หรือ "หลวงปู่ทวด" ที่คนทั้งประเทศให้ความเคารพ สัการะ บูชากัน

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวถึงประวัติของท่านก่อนสักหน่อยนะครับ หลวงพ่อทวดหรือสมเด็จเจ้าพะโคะ เป็นที่รู้จักของคนทุกภาคในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิปาฏิหารย์ และทางประวัติศาสตร์ท่านเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงๆ

หลวงปู่ทวดได้ถือกำเนิดตรงกับวันศุกร์ เดือนยี่ ปีมะโรง พุทธศักราช 2515 ณ หมู่บ้านสวนจันทร์ ตำบล ชุมพล เมืองจะทิ้งพระ ตอนปลายของรัชสมัยพระมหาธรรมราชา ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวเล็กๆ ฐานะยากจนแต่มีจิตเป็นกุศล สมัยเด็กท่านมีชื่อว่า"ปู" ท่านเป็นบุตรของนายหู และ นางจันทร์ ตอนท่านยังเป็นทารกอยู่นั้นได้เกิดความอัศจรรย์คือ อยู่มาวันหนึ่งมีงูจงอางยักษ์มาขดที่เปลที่ทารกน้อยนอนอยู่เลย จนกระทั่งบิดาและมารดาของท่านท่านมาพบเข้าแล้วเกิดความสงสัยว่างูยักษ์ตัวนั้นน่าจะเป็นเทวดาแปลงกายลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ บารมีของลูกเราหรือไม่ จึงรีบหาเครื่องบูชา เช่นดอกไม้ ธูปเทียน มาสักการะ งูยักษ์ที่ขดตัวอยู่นั้นจึงคลายตัวจากเปลของทารกน้อยคนนั้นแล้วเลื้อยหายไป บิดาและมารดาได้พาญาติๆมาดูที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ปรากฏว่าทารกน้อยนั้นไม่เป็นอะไรเลยสักนิด แต่ตรงที่หน้าอกของทารกนั้นได้มีดวงแก้วดวงหนึ่งวางตั้งอยู่ บิดาและมารดาจึงได้เก็บเอาไว้

ต่อมาท่านอายุได้ 15 ปีก็บรรพชาเป็นสามเณรและได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสีหยัง ครั้นอายุครบอุปสมบทจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราชจนแตกฉานวิชาความรู้ของพระครูกาเดิม ท่านจึงคิดที่อยากจะไปศึกษาต่อที่พระนครศรีอยุธยาและเหตุการณ์ต่อจากนี้แหละครับจะเป็นที่มาของคำที่คนทั่วไปเรียกท่านว่า "หลวงปุ่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" หลวงปู่ทวดท่านได้อาศัยเรือสำเภาของนายอินทร์ไปอยุธยา เรือสำเภาแล่นมาได้สามวันสามคืน วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์มืดฟ้ามัวดินพายุพัดอย่างหนัก นายอินทร์เลยตัดสินใจลดใบเรือและทอดสมอเรือเพื่อโต้คลื่น ผ่านไปสามวันสามคืนพายุมรสุมได้ผ่านพ้นไปทะเลสงบแต่น้ำจืดที่ใช้ดื่มกินบนเรือได้หมดลง ทำให้นายอิทร์บันดาลโทสะแล้วโทษหลวงปู่ทวดว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะว่าตนนั้นเดินเรือมานานไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แต่พอรับภิกษุท่านนี้มาเลยทำให้เกิดเหตุการณที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตนและพวกลูกเรือ ทำให้นายอินมร์ต้องบอกลุกเรือว่าให้พาพระภิกษุท่านนี้ไปส่งที่ฝั่ง ในขณะที่หลวงปู่ทวดจะลงเรือท่านไดบริกรรมคาถาสักพักแล้วได้เอาเท้าลงไปเหยียบที่น้ำทะเลแล้วให้ลูกเรือนั้นลองไปตักน้ำตรงที่ท่านเหยียบมาลองดื่มดู ปรากฏว่าน้ำที่ดื่มนั้นรสจืดลูกเรือคนนั้นจึงรีบไปบอกนายอินทน์เจ้าของเรือสำเภา นายอินทร์จึงมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าเป็นเรื่องจริงตามที่ลูกเรือมาบอกกับตน ปรากฏว่าเรื่องที่ลูกเรือบอกกับตนนั้นเป็นความจริงนายอินทร์จึงเกิดความศรัทธาจึงก้มลงกราบแทบเท้าหลวงปู่ทวดท่านพร้อมกับขอขมาลาโทษท่านถึงการกระทำที่ไม่ดีของตน และนี่คือประวัติพอสังเขปของท่านนะครับ และต่อจากนี้ผมจะกล่าวถึงประวัติการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดรุ่นแรกที่นักสะสมและเซียนพระต่างเรียกหาอยากมีไว้ครอบครองกันนะครับ

พระเครื่องหลวงปู่ทวด

ก่อนอื่นต้องบอกกันให้ทราบกันก่อนนะครับว่าพระเครื่องหลวงปู่ทวดนี้นะครับนั้นมีพุทธคุณตือเมตตามหานิยม ถือว่าเป็นสุดยอดพระนิรันดร์ตราย คนที่นับถือและแขวนพระเครื่องหลวงปู่ทวดนั้นเขาจะมีความเชื่อกันว่าแขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วจะเดินทางปลอดภัยไม่ว่าจะไปไหนก็ตามแต่ และที่สำคัญพระเครื่องหลวงปู่ทวดนั้นท่านไม่ได้เป็นคนที่สร้างเอง แต่เป็นพระอาจารย์ทิม ธัมมธโร ที่เป็นคนสร้างและได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย พระเครื่องหลวงปู่ทวดที่ได้รับความนิยมกันนั้นส่วนมากจะต้องออกจากวัดช้างให้ วัดทรายขาว และวัดพะโคะเป็นต้น ส่วนองค์พระเครื่องที่นักสะสมส่วนใหญ่อยากมีไว้ครอบครองนั้นมี พระเครื่องหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี 2497 พระเครื่องหลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีดปี 2505 พระเหรียญหลวงปู่ทวดเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ปี 2508 พระเนื้อชินหลวงปู่ทวดหลังหนังสือพิมพ์ใหญ่ปี 2505 พระเหรียญหลวงปู่ทวดเหรียญขี่คอใหญ่ เป็นต้น รุ่นที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมีราคาเช่าหากันอย่างต่ำประมาณหลักหมื่นปลายๆจนไปถึงหลักล้านเลยก็มีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพขององค์พระนะครับ




พระเครื่องหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี 2497



พระเครื่องหลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีดปี 2505 (หน้า)



พระเครื่องหลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีดปี 2505 (หลัง)



พระเหรียญหลวงปู่ทวดเหรียญขี่คอใหญ่

และนี่คือพระหลวงปู่ทวดที่เซียนพระเห็นแล้วยังต้องร้องขอ อยากได้มาครอบครองกันทั่วหน้าเลยเชียวละครับ