วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551

หลวงพ่อทับวัดทอง


สวัสดีครับ ครั้งนี้จะมากล่าวถึงหลวงพ่อทับวัดทอง เขตบางกอกน้อย กทม. ที่พระเครื่องของท่านเป็นที่กล่าวขานกันโดยทั่วไป นักสะสมหรือเซียนพระน้อยคนนักที่ไม่รู้จัก ก่อนอื่นต้องขอนำประวัติของท่านมาเกริ่นกันให้ทราบกันพอสังเขปกันก่อนนะครับหลวงพ่อทับหรือพระครูเทพสิทธิเทพาธิบดี (ทับ อินโชติ) ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องท้องเดียวกัน4คน บิดาของท่านชื่อ นายทิม ปัทมานนท์ มารดาของท่านชื่อ นางน้อย ปัทมานนท์ ท่านเกิดวันเสาร์ ขึ้น15ค่ำเดือน7 ตรงกับวันที่29พฤษภาคม พ.ศ.2390 ที่บ้านคลองชักพระ บางกอกน้อยฝั่งธนบุรี ท่านอายุได้ประมาณ18ปีจึงได้อุปสมบทเป็นสามเณร ศึกษาวิชาความรู้ในสำนักของพระปลัดแก้ววัดทอง ครั้นปีพ.ศ.2411ท่านก็อายุได้20ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นภิกษุ ณ วัดช่างเหล็กเขตบางกอกน้อย พระอุปปัชฌาย์ของท่านคือ พระอธิการม่วงและพระอาจารย์พึ่ง วัดรวก พร้อมกับพระปลัดแก้ว วัดทอง เป็นพระคู่สวด และฉายาของท่านคือ "อินทโชติ"ท่านอุปปัชฌาย์แล้วท่านก็ได้เข้าจำพรรษาที่วัดทอง(วัดสุวรรณราม)ซึ่งวัดทองนี้มีประวัติที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏกันว่าวัดทองนี้ใครเป็นคนสร้างแต่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรเรื่อยมาโดยเฉพาะในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ท่านได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาทั่วทั้งพระอาราม แล้วท่านได้พระราชทานนามใหม่ว่า"วัดทอง"ครั้นเวลาต่อมาหลวงพ่อทับได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากท่านพระครูวิมลปัญญา(เนียม)ในปีพ.ศ.2450 เมื่อวันที่29ธันวาคม พ.ศ.2455ท่านก็ได้มรณะภาพ รวมอายุของท่านได้66ปี พรรษาที่45พระเครื่องหลวงพ่อทับแม้ท่านได้จากเราไปแล้วนะครับแต่พระเครื่องของท่านซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของเซียนพระและนักสะสมพระเครื่องต่างพร้อมใจกันขนานนามพระเครื่องของท่านว่าอยู่ในชุดเบญจภาคีของพระปิดตาเลยทีเดียว โดยพระเครื่องของท่านที่นักสะสมพระเครื่องให้ความสนใจต่างเสาะแสวงหาอยากเป็นเจ้าของกันอย่างมากก็คือ "พระปิดตามหาอุตม์ยันต์ยุ่ง" ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านมหาอุตม์ ปืนผาหน้าไม้หมดสิทธิ์เลยละครับที่จะทำอันตรายเราได้พระปิดตามหาอุตม์ยันต์ยุ่งของหลวงพ่อทับนี้มีความโดดเด่นตรงที่มีพิธีการสร้างที่ละเอียดละออ ปราณีตที่สุด องค์พระแต่ละองค์นั้นไม่เหมือนกันเลยหรืออย่างมากองค์พระมีพิมพ์ที่คล้ายๆกัน เพราะการสร้างองค์พระนั้นสร้างขึ้นมาจากแม่พิมพ์ องค์พระสร้างจากเนื้อโลหะพระปิดตามหาอุตม์ของหลวงพ่อทับนั้นมีหลายพิมพ์ เช่นพระปิดตาพิมพ์ตุ๊กตา พระปิดตาพิมพ์นั่งยอง เป็นต้น และพิมพ์ทีได้รับความนิยมจากนักสะสมพระเครื่องจริงๆเลยก็คือ พระปิดตาพิมพ์ยันต์ยุ่งเศียรบาตร และพระปิดตาพิมพ์ยันต์น่อง ส่วนราคาในการเช่านั้นสูงมากจาหลักแสนต้นๆไปจนถึงหลักแสนกลางๆกันเลยทีเดียว ส่วนพระแท้นั้นหายากกันสักหน่อยนะครับเพราะจำนวนการสร้างนั้นน้อยมากๆ ถ้าจะเช่าหากันควรตรวจสอบกันดูก่อนนะครับว่าเป็นพระแท้หรือไม่ เพราะส่วนใหญ่จะปลอมกันมาก









วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2551

หลวงพ่อเงิน






ถ้าจะเอ่ยถึงเรื่องในทางเหนียวคงกระพันชาตรีแล้วละก็คงจะหนีไม่พ้นหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน จ.พิจิตร ที่ชื่อของท่านเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็เพราะในเรื่องความเหนียวคงกระพันชาตรีระดับแถวหน้าของพระเครื่องที่คนไทยรู้จักกันและท่านได้ถูกเรียกขานกันว่า"เทพเจ้าแห่งอำเภอโพทะเลและเพชรน้ำเอกของจังหวัดพิจิตร"
หลวงพ่อเงินเกิดเมื่อวันที่16กันยายน พ.ศ.2351 ตรงกับวันศุกร์ เดือน10ปีมะโรง เดิมชื่อของท่านคือเงิน บิดาท่านชื่อ อู๋ มารดาของท่านชื่อ ฟัก ท่านเกิดตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่1 หลวงพ่อท่านมีพี่น้องท้องเดียวกัน6คน

หลวงพ่อเงินอายุได้5ขวบ ครูของท่านชื่อนายช่วงได้พาหลวงพ่อเงินไปอยู่กรุงเทพมหานครและได้เข้าไปเรียนที่วัดชนะสงคราม(วัดตองปู) เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งท่านอายุได้12ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ต่อมาเมื่อถึงอายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดตองปู ฉายาของท่านคือ "พุทธโชติ" ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงครามได้ราวๆ3พรรษา ต่อมาท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อที่จะได้ศึกษาวิชาที่เกี่ยวกับวิทยาคม และตลอดจนการเรียนวิปัสสนา ในทางเมตรตามหานิยม และคงกระพันชาตรีจาก"เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์ โต พรหมรังสี" วัดระฆัง ท่านเรียนจนแตกฉานแล้วจึงกลับไปจำพรรษาที่วัดคงราราม (วัดบางคลานใต้) ท่านจำพรรษาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาประมาณ1พรรษา และท่านก็ได้เกิดวามไม่พอใจหลวงพ่ออีกรูปหนึ่งนั้นชอบแหล่เทศน์เสียงดังท่านไม่ชอบ ท่านเลยออกจากวัดไปอยู่ที่บ้านวังตะโก

ท่านได้หักกิ่งต้นโพธิ์3กิ่งไปด้วย แล้วปักลงบนดินที่ป่าตะโก แล้วอธิษฐานจิตว่าถ้าท่านได้สร้างวัดในสถานที่นี้ ถ้าในภายภาคหน้าถ้าวัดแห่งนี้สร้างแล้วจะเจริญรุ่งเรืองต่อไป ขอให้กิ่งโพธิ์นี้เจริญงอกงามไปด้วยแล้วคำอธิษฐานของหลวงพ่อนั้นได้เป็นความจริงทุกประการ

หลวงพ่อท่านนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากจากวิชาอาคมที่เข้มขลังทางด้าน"คงกระพันชาตรี"และเหนียว ประสบการณ์พระเครื่องของท่านเป็นที่ประจักษ์ของคนที่มีพระเครื่องของท่านไว้ครอบครองบูชา ประสบการณที่ว่านั้นนะครับผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ประสบพบเจอมานะครับเรื่องมีอยู่ว่า

วันนั้นตอนกลางดึกซักประมาณตีหนึ่งเกือบตีสอง ผมและรุ่นพี่ได้ออกไปเที่ยวกลางคืนกันตามประสาชายหนุ่มทั่วๆไป ดื่มเหล้า ร้านแรกจนร้านปิดแล้วได้ไปดื่มต่อที่อีกร้านหนึ่ง ร้านที่สองที่ผมและพวกพี่ๆไปเที่ยวนี้นะครับคนเต็มร้านเลย และมันเป็นธรรมดาของการเที่ยวกลางคืนนะครับที่จะมีคนที่เมามายจนไม่ได้สติมาก่อกวน วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนะครับได้เข้ามาจีบแฟนรุ่นพี่ผม แฟนรุ่นพี่ผมคนนั้นเขาไม่ชอบ จึงบอกรุ่นพี่ผมว่ารำคาญพี่ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาไปคุยให้เอง รุ่นพี่ผมเดินตรงเข้าไปแล้วไปคุยกับวัยรุ่นกลุ่มนั้นด้วยท่าทีที่สุภาพ แต่วัยรุ่นพวกนั้นเขาไม่ได้สุภาพเหมือนรู่นพี่ผมนะครับ วัยรุ่นพวกนั้นได้ใช้ขวดเบียร์รุมกันตีที่หัวพี่ผมจนขวดเบียร์แตกไปประมาณ3ขวด แล้วก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากันแล้วเชิญคนที่มีเรื่องกันออกไปคุยกันหน้าร้าน พวกผมก็ออกไปผมเดินประคองรุ่นพี่ออกมาหน้าร้านแล้วคิดว่าต้องรีบพาพี่ผมไปส่งโรงพยาบาลเพราะเหตุการณ์ที่ผมเห็นนั้นมันรุนแรงมาก แต่ปรากฏว่าผมมองสำรวจดูว่าเขาเจ็บมากไหมหัวแตกหรือเปล่า แต่หัวรุ่นพี่ไม่แตกครับ เป็นแค่รอยปูดเท่าผลมะนาวที่หัว มันน่าฉงนนะครับขวดเบียร์3ขวดตีไปที่หัว ไม่น่าเชื่อว่าหัวไม่แตก ผมได้ถามรุ่นพี่ว่ารุ่นพี่รู้ไหมว่าที่โดนตีนั้นหัวพี่ไม่แตก แค่ปูดมาเท่าลูกมะนาว รุ่นพี่บอกว่าไม่รู้ว่าหัวไม่แตกแต่ในใจเขาคิดว่าหัวคงแตกแน่แล้วโดนไปซะขนาดนั้น คนที่เห็นเหตุการณืทุกคนต่างพากันงง แล้วรุ่นพี่เลยนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองแขวนหลวงพ่อเงินอยู่ นี่แหละครับประสบการณ์ที่ผมเจอมาเป็นยังไงกันบ้างครับ เหนียวจริงครับๆพระเครื่องของหลวงพ่อ

หลวงพ่อเงินท่านได้มรณภาพ ด้วยโรคชรา และโรคริดสีดวงทวาร เมื่อวันศุกร์ แรม11ค่ำ เดือน10 ปีมะแม เวลาประมาณ 5.00 น. ตรงกับวันที่20กันยายน พ.ศ.2462 รวมอายุได้ 111 ปี พรรษาที่90 การมรณภาพเป็นของท่านนำพามาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจของชาว จ.พิจิตรและคนที่เคารพศรัทธาในตัวหลวงพ่อ เป็นอันมาก

พระเครื่องหลวงพ่อเงิน

รูปหล่อลอยองค์ของหลวงพ่อเงินรุ่นแรกนั้น ท่านพระครูพิทักษ์ศีลคุณ ได้เป็นคนสร้างคนแรก รูปหล่อลอยองค์รุ่นแรกนี้นะครับจะมีลัษณะเป็นทองเหลือง ตัวองค์พระจะขรุขระผิวไม่เรียบ หรือที่เซียนพระทั่วไปเรียกว่า"พิมพ์ขี้ตา" เป็นพิมพ์ที่หายากที่สุดมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นปลายๆไปจนถึงหลักล้านบาทกันเลยทีเดียวแต่ส่วนมากราคา คุณค่าของพระเครื่องแต่ละเกจินั้นจะมีราคาที่แพงนั้นนะครับเขาจะดูจากสภาพองค์พระกันทั้งนั้นและครับ ถ้าองค์พระมีสภาพดี ราคาก็จะสูงตามไปด้วยนะครับส่วนรุ่นที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือรุ่นพิมพ์นิยมหรือพิมพ์เบ้าทุบ เหรียญหล่อจอบเล็ก เหรียญหล่อจอบใหญ่ ที่สร้างมาเพื่อให้เด็กและผู้หญิงนั้นได้แขวนคอไว้เพื่อความเป็นศิริมงคล ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงรุ่นที่เซียนพระเขากำลังควานหาอยู่ ใครมีก็เก็บรักษาไว้ให้ดีๆนะครับ และเพราะความศักสิทธิ์ของท่านนั้นนะครับ ทำให้มีการสร้างพระเครื่องหลวงพ่อเงินขึ้นมาอีกหลายรุ่นจนถึงปัจจุบันกันเลยนะครับ



หลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตา


จอบเล็กเหรียญหล่อ